Who Am I?(ผมเป็นใคร มาจากไหน)
เคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจากประสบการณ์จริง
เผย 14 เคล็ดลับชุบตัวเป็นคนใหม่ แปลงร่างจากไทยเป็นฝรั่ง ลอกคราบตะวันออกสู่ตะวันตกด้วยการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามแนวและวิธีการที่เป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน(หรืออาจจะมีบ้างที่เหมือนใครหรือใครมาเหมือน!?!?) ของไมเคิล เล้ง
คลิกหมายเลขเพื่อดูแต่ละเคล็ดลับได้เลยครับ
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
เกริ่นนำ(Introduction)
จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้พอควรโดยไม่ได้มีโอกาสได้ไปศึกษาต่างประเทศหรือว่าเรียนคอร์สภาษาอังกฤษแพงๆแต่อย่างใด(English course taking)
เพื่อเป็นการแบ่งปัน ผมได้รวบรวมเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆกับตัวผมเองมาถ่ายทอดให้กับผู้รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพื่อพัฒนาศักยภาพของท่านให้พูด ฟัง อ่าน เขียนได้คล่องแคล่วขึ้น
ผมรับรองว่าถ้าท่านทำตามวิธีของผม ท่านจะต้องเก่งอย่างแน่นอนครับ
ประวัติผู้เขียน(Writer background)
ผมชื่อวรวิทย์ ลาภานิกรณ์ (เล้ง) มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษที่ใช้เขียนบล็อกคือ อ่านประวัติภาษาอังกฤษ คลิก ➤ ไมเคิล เล้ง (Michael Leng)
เกิดวันที่ 6 เมษายน 2512 (1969) เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอผักไห่ ตำบลและหมู่บ้านดอนลานครับ จบชั้นปฐมศึกษาที่บ้านเกิด โรงเรียนวัดดอนลาน
จบมัธยมต้นการศึกษานอกโรงเรียนที่โรงเรียนวัดนางในธัมมิการาม(อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง) จบมัธยมปลายที่โรงเรียนศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนวัดบางปะกอกวิทยาคม(เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพฯ)และจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ สาขาอุตสาหกรรมการบริการด้านการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก กรุงเทพมหานคร และจบหลักสูตรปริญญาตรี สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 9/9 หมู่ 9 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
พูดถึงการเรียนภาษานั้น ไม่ว่าภาษาอะไรก็แล้วแต่ หลายคนมีความสงสัยว่า "ปริศนากล่องดำ" ที่เก็บความลับในการพูดภาษาอังกฤษให้เป็นเร็วมันคืออะไร มันมีสูตรตายตัวเหมือนคณิตศาสตร์อย่างเช่น 1+1=2 หรือไม่
ถ้าถามผมแล้วล่ะก็ ผมก็ยังไม่ทราบเหมือนกันครับว่ามันมีกล่องดำเก็บความลับดังว่าอยู่จริงหรือไม่ แต่ผมมีประสบการณ์ที่สั่งสมจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองในการฝึกพูด ฟัง อ่าน เขียนที่ผมคิดว่าเป็นแบบที่ไม่เคยมีใครในโลกใบนี้ทำเหมือนผมอย่างแน่นอนครับ
แรงบันดาลใจแรก(Inspiration)
วันนั้นเป็นเย็นวันหนึ่งเมื่อประมาณ 25 ปีเศษๆที่ผ่านมา บนถนนสีลมหลังจากผมเลิกทำงานแล้ว ผมได้ไปยืนคุยกันกับเพื่อนๆบริเวณฟุตบาตใกล้ๆกับวัดแขก(สีลม) ขณะที่ผมกำลังคุยเล่นกันอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งบริเวณริมถนนอยู่นั้น ได้มีฝรั่งผู้ชายคนหนึ่งเดินมาตามฟุตบาตล่องมาจากโรงพยาบาลเลิดสิน เขายิงคำถามผมเป็นภาษาอังกฤษว่า
“Excuse me, Where is the "Niagara Hotel" please?”
ผมจำได้แม่นยำมากเลยครับกับประโยคที่ว่าดังกล่าว ตอนนั้นผมพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นเลยครับ แต่ผมพอเดาได้ว่า เขาคงถามทางไปโรงแรม “ไนแองการ่า[Niagara]”แน่ๆ เลย
ทำอย่างไรดีล่ะครับ ก็เมื่อพูดไม่เป็นเลยซักกะประโยค อย่าว่าแต่ประโยคเลยครับ พูดเป็นคำๆ ก็ยังไม่ได้เลย
วันนั้นผมได้ช่วยเขาอย่างไร ท่านอยากทราบไหมครับ ผมใช้วิธีชี้นิ้วเอาครับ ผมทำได้แค่ชี้ไปทางสวนลุมพินีน่ะครับ แต่โรงแรมดังกล่าวจะถึงก่อน อีกอย่างโรงแรมก็ไม่ได้ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ซะด้วยครับ ต้องเดินเลี้ยวขวาเข้าซอย...ไปก่อนเป็นร้อยๆเมตรแล้วก็ต้องเดินเลี้ยวขวา-ซ้ายจึงจะถึงโรงแรมซึ่งอยู่ระหว่างถนนสีลมกับถนนสาทร
แต่ผมไม่สามารถบอกเขาทั้งหมดได้หรอกครับ ทำได้เพียงแต่แค่ชี้นิ้วให้เขาเดินล่องไปตามถนนสีลมมุ่งไปยังสวนลุมฯ แต่ซอยของโรงแรมที่เขาถามผมจะถึงก่อนสวนลุมพินีครับ
ทุกวันนี้ ผมนึกถึงวันนั้นทีไร อดสงสัยไม่ได้ว่า ฝรั่งคนนั้นหาโรงแรมที่เขาพักเจอหรือไม่ อย่างไร ต้องถามใครต่อใครอีกกี่คน เดินหลงซอยหลงทางอีกกี่หนกัน!
ตกคืนวันเดียวกันนั้นผมเกิดความรู้สึกขึ้นมาในหัวว่า เอ! ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมานี้เราคงจะช่วยเขาได้มากกว่านั้น นั่นคือเหตุผลแรกที่ผมคิดในใจ เหตุผลที่สองคือ มันคงจะเท่ห์ดีนะถ้าพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาที่ใครเดินผ่านไปมาบนถนนแล้วเห็นเรากำลังพูดอยู่กับฝรั่งน่ะ เมื่อผมคิดได้อย่างนั้นแล้วผมมิได้รอช้าครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมได้เริ่มไปสมัครเรียนพูดภาษาอังกฤษกับสถาบันการสอนภาษาแห่งหนึ่งบนถนนสีลมไม่ใกล้ไม่ไกลกับโรงแรมนารายณ์ซักเท่าไหร่หรอกครับ ผมสมัครเรียนเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้นครับ เรียนวันละสามชั่วโมง ระหว่าง 09.00-12.00 น.
เพราะวันปกติต้องทำงาน ว่างวันอาทิตย์วันเดียวในหนึ่งสัปดาห์ ผมเรียนอยู่ประมาณ 15 เดือนเห็นจะได้ครับ ที่ผมเรียนครบหนึ่งปีกับอีกสามเดือนเพราะอะไรท่านทราบไหมครับ โรงเรียนมีโปรโมชั่น (Promotion) "เรียนครบหนึ่งปี เรียนฟรีหนึ่งเทอม"ครับ [หนึ่งเทอมใช้เวลาเรียนสามเดือน]
ณ สถานที่เรียนแห่งนี้ผมก็ต้องขอขอบคุณที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมได้เริ่มพูด ฟัง อ่าน เขียนภาษาอังกฤษและได้รู้จักเพื่อนๆและครูหลายท่านพอสมควรเลยครับ ถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์การเรียนภาษาอังกฤษของผมครั้งแรกก็ว่าได้ครับ
โรงเรียนดังกล่าวคือ "ศูนย์สอนภาษาอังกฤษสีลม[Silom English Language Center]" (ขออนุญาตเอ่ยนาม) ตั้งอยู่ตรงตลาดวัดแขก ปัจจุบันโรงเรียนน่าจะปิดหรือย้ายไปแล้วครับ เพราะเป็นเวลาตั้ง 25 ปีผ่านมาแล้ว
"14 เคล็ดลับอรหันต์ชุบตัวการเรียนภาษาอังกฤษ"
ที่ผมนำมาเขียนแบ่งปันกันต่อไปนี้นั้น จะเป็นวิธีที่ผมไม่ได้เรียนจากห้องเรียนครับ ผมเรียนด้วยวิธีของผมเองหลายๆแบบ โดยที่ผมก็ไม่ทราบว่าทั้งหลายทั้งปวงด้วยวิธีการที่คิดเองทำเองของผมนั้น มันเป็นวิธีที่ถูกต้องตามหลักวิชาการหรือไม่ อย่างไร
อย่างไรก็ดี ผมรู้ตัวของผมดีว่าภาษาอังกฤษของผมมีการพัฒนาขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจนสามารถพอที่จะสื่อสารกับเจ้าของภาษา(Native English Speaker)ได้โดยไม่ติดขัดอะไรมากมายนัก
หลักคิด(Concept)
ผมมีหลักคิดเรื่องการเรียนหรือฝึกฝนภาษาอังกฤษของผมอยู่ 2 หลักซึ่งช่วยให้ผมไม่เคยหยุดในการฝึกฝนเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาคือ
1] ภาษาไทยสื่อสารกับคน 60 ล้านที่เป็นคนไทย ภาษาอังกฤษสื่อสารกับประชากรโลกอีก 8,000 ล้านคนที่เหลือ
2] หนังสือทุกเล่มที่เป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ถูกนำมาแปลเป็นภาษาไทยทั้งหมด ถ้าเราไม่รู้ภาษาอังกฤษ เราคงต้องพลาดหนังสือดีๆไปหลายเล่ม
เป้าหมาย(Target)
เขียนบล็อกเป็นภาษาอังกฤษจนกระทั่งติดอันดับมีผู้เข้าชมอย่างน้อยวันละหนึ่งล้านคลิก
ขอบคุณ(Thank you)
🔺 บล็อกภาษาไทยของผม:
🔺 List of my blogs in English:
Thanks for reading.
Posted by: Michael Leng
I've known, then I've grown.
See more:
เคล็ดลับที่ 13
เคล็ดลับที่ 14
เคล็ดลับที่ 1
เคล็ดลับที่ 2
วันนั้นผมได้ช่วยเขาอย่างไร ท่านอยากทราบไหมครับ ผมใช้วิธีชี้นิ้วเอาครับ ผมทำได้แค่ชี้ไปทางสวนลุมพินีน่ะครับ แต่โรงแรมดังกล่าวจะถึงก่อน อีกอย่างโรงแรมก็ไม่ได้ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ซะด้วยครับ ต้องเดินเลี้ยวขวาเข้าซอย...ไปก่อนเป็นร้อยๆเมตรแล้วก็ต้องเดินเลี้ยวขวา-ซ้ายจึงจะถึงโรงแรมซึ่งอยู่ระหว่างถนนสีลมกับถนนสาทร
แต่ผมไม่สามารถบอกเขาทั้งหมดได้หรอกครับ ทำได้เพียงแต่แค่ชี้นิ้วให้เขาเดินล่องไปตามถนนสีลมมุ่งไปยังสวนลุมฯ แต่ซอยของโรงแรมที่เขาถามผมจะถึงก่อนสวนลุมพินีครับ
ทุกวันนี้ ผมนึกถึงวันนั้นทีไร อดสงสัยไม่ได้ว่า ฝรั่งคนนั้นหาโรงแรมที่เขาพักเจอหรือไม่ อย่างไร ต้องถามใครต่อใครอีกกี่คน เดินหลงซอยหลงทางอีกกี่หนกัน!
ตกคืนวันเดียวกันนั้นผมเกิดความรู้สึกขึ้นมาในหัวว่า เอ! ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษได้ เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมานี้เราคงจะช่วยเขาได้มากกว่านั้น นั่นคือเหตุผลแรกที่ผมคิดในใจ เหตุผลที่สองคือ มันคงจะเท่ห์ดีนะถ้าพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาที่ใครเดินผ่านไปมาบนถนนแล้วเห็นเรากำลังพูดอยู่กับฝรั่งน่ะ เมื่อผมคิดได้อย่างนั้นแล้วผมมิได้รอช้าครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมได้เริ่มไปสมัครเรียนพูดภาษาอังกฤษกับสถาบันการสอนภาษาแห่งหนึ่งบนถนนสีลมไม่ใกล้ไม่ไกลกับโรงแรมนารายณ์ซักเท่าไหร่หรอกครับ ผมสมัครเรียนเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้นครับ เรียนวันละสามชั่วโมง ระหว่าง 09.00-12.00 น.
เพราะวันปกติต้องทำงาน ว่างวันอาทิตย์วันเดียวในหนึ่งสัปดาห์ ผมเรียนอยู่ประมาณ 15 เดือนเห็นจะได้ครับ ที่ผมเรียนครบหนึ่งปีกับอีกสามเดือนเพราะอะไรท่านทราบไหมครับ โรงเรียนมีโปรโมชั่น (Promotion) "เรียนครบหนึ่งปี เรียนฟรีหนึ่งเทอม"ครับ [หนึ่งเทอมใช้เวลาเรียนสามเดือน]
ณ สถานที่เรียนแห่งนี้ผมก็ต้องขอขอบคุณที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมได้เริ่มพูด ฟัง อ่าน เขียนภาษาอังกฤษและได้รู้จักเพื่อนๆและครูหลายท่านพอสมควรเลยครับ ถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์การเรียนภาษาอังกฤษของผมครั้งแรกก็ว่าได้ครับ
โรงเรียนดังกล่าวคือ "ศูนย์สอนภาษาอังกฤษสีลม[Silom English Language Center]" (ขออนุญาตเอ่ยนาม) ตั้งอยู่ตรงตลาดวัดแขก ปัจจุบันโรงเรียนน่าจะปิดหรือย้ายไปแล้วครับ เพราะเป็นเวลาตั้ง 25 ปีผ่านมาแล้ว
"14 เคล็ดลับอรหันต์ชุบตัวการเรียนภาษาอังกฤษ"
ที่ผมนำมาเขียนแบ่งปันกันต่อไปนี้นั้น จะเป็นวิธีที่ผมไม่ได้เรียนจากห้องเรียนครับ ผมเรียนด้วยวิธีของผมเองหลายๆแบบ โดยที่ผมก็ไม่ทราบว่าทั้งหลายทั้งปวงด้วยวิธีการที่คิดเองทำเองของผมนั้น มันเป็นวิธีที่ถูกต้องตามหลักวิชาการหรือไม่ อย่างไร
อย่างไรก็ดี ผมรู้ตัวของผมดีว่าภาษาอังกฤษของผมมีการพัฒนาขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจนสามารถพอที่จะสื่อสารกับเจ้าของภาษา(Native English Speaker)ได้โดยไม่ติดขัดอะไรมากมายนัก
หลักคิด(Concept)
ผมมีหลักคิดเรื่องการเรียนหรือฝึกฝนภาษาอังกฤษของผมอยู่ 2 หลักซึ่งช่วยให้ผมไม่เคยหยุดในการฝึกฝนเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาคือ
1] ภาษาไทยสื่อสารกับคน 60 ล้านที่เป็นคนไทย ภาษาอังกฤษสื่อสารกับประชากรโลกอีก 8,000 ล้านคนที่เหลือ
2] หนังสือทุกเล่มที่เป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ถูกนำมาแปลเป็นภาษาไทยทั้งหมด ถ้าเราไม่รู้ภาษาอังกฤษ เราคงต้องพลาดหนังสือดีๆไปหลายเล่ม
เป้าหมาย(Target)
เขียนบล็อกเป็นภาษาอังกฤษจนกระทั่งติดอันดับมีผู้เข้าชมอย่างน้อยวันละหนึ่งล้านคลิก
ขอบคุณ(Thank you)
- พ่อและแม่ที่ให้กำเนิดเมล็ดพันธุ์ ให้ชีวิต ดูแลชีวิต จนมีชีวิตอยู่มาจนทุกวันนี้ได้
- ครู อาจารย์ ที่ช่วยอนุบาลเพาะบ่มเมล็ดพันธุ์ให้ชีวิตได้งอกงาม มีคุณภาพและคุณค่ามากขี้น
- ครอบครัวที่อบอุ่นทั้งคอยปลอบโยนและให้กำลังใจทุกเมื่อเชื่อวันตลอดมาและตลอดไป
- ขอบคุณกูเกิ้ล(Google)ที่สร้างบล็อกเกอร์(Blogger)สิ่งดีๆขึ้นมาเพื่อเพื่อนมนุษย์ในโลกทั้งใบ
- ขอบคุณผู้อ่าน ผู้ติดตาม ผู้ติชม ทุกท่าน
🔺 บล็อกภาษาไทยของผม:
- ดูตัวเลขภาษาอังกฤษล้วนได้ที่ คลิก! "English Numbers In Words 1 to 1000000"
- อยากพูดภาษาอังกฤษเป็นมั่ง!? คลิก!"ตีแตกภาษาอังกฤษ : English Of The Day"
- อยากร้องเพลงฝรั่งเป็นหาเนื้อได้ที่ "Bilingual Lyrics : English - Thai แปลไทย"
- อยากใช้เอ็กเซลเป็นต้องไปที่ คลิก! "เผยเคล็ดลับเอ็กเซล"
- เขาว่านับเลขอังกฤษจากศูนย์ถึงล้านไปที่ คลิก!"นับเลขภาษาอังกฤษจาก 0 ถึง 1,000,000"
- สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษที่นี่ช่วยท่านได้ คลิก!"วิธีสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ"
- สนทนาพาเกิดได้!!! คลิก!"ภาษาอังกฤษจานด่วน! : English Fast Serve!"
🔺 List of my blogs in English:
- Blogging about Insurance Click! "Insurances Guidance"
- How good it is knowing to say Hello in Thai! "Learn Thai Free Online [LTFO]"
- Do you like the songs? Here we go! "Bilingual Lyrics: English - Thai"
- Do you use Excel Program? "ExcelTip2Day-Shortcut"
- Check a million numbers in words and spell!"English Numbers In Words 1 to 1000000"
- So, I have reviewed my loving books just there! "My Loving Book Reviews"
- Share with you the 50 Q. Job interview (20% done) "50 Tough Job Interview Questions"
Thanks for reading.
Posted by: Michael Leng
I've known, then I've grown.
See more:
เคล็ดลับที่ 13
เคล็ดลับที่ 14
เคล็ดลับที่ 1
เคล็ดลับที่ 2
เป็นกำลังใจ และติดตามค่ะ :)
ตอบลบ