8 เทคนิคที่ทำให้ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเอง ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน | ตีแตกภาษาอังกฤษ: English Of The Day
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันต้องพูดภาษาอังกฤษเป็น มันเป็นความตั้งใจ...
Tap: เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง FB
มีเรื่องมาบอก: ช่วยแชร์เรื่องราวนี้ไปให้ดังสนั่นในโลก social ทีสิ เรื่องของฉันจะได้ไปเข้าหูเข้าตาคนที่อยากพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนๆกับฉัน และเพื่อนๆก็ยังไง!
โปรดทราบ ๆ Attention, please.
ก่อนเข้าสู่วาระแห่งสาระ จงทราบว่าข้อมูลที่มอบให้ในวันนี้เป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์ ไม่ได้อาศัยทฤษฎีใดๆทั้งสิ้น
เข้าสู่สาระกันดีกว่าครับ
ฉันคงรู้สึกดี...ถ้าฉันได้ทำสิ่งที่ฉันรัก ปักหลักอยู่กับคนที่ฉันชอบ มอบหัวใจให้กับคนใสๆกับตัวเรา ว่าไปนั่น...
ถ้าดูจากคลิป จะพบว่าฉันพูดเรื่องไก่ย่างที่ฉันชอบ พอดีมีรถขายไก่ย่างผ่านที่ทำงานพอดี นานๆจะเจอซักทีไอ้เจ้าไก่ย่างแบบโครงไก่เยอะกว่าเนื้อ หึหึ ก็เลยซื้อมากิน ก็เพราะว่าชอบกินตอนเป็นเด็กไง ตอนนี้ก็ยังหลงไหลรสชาติที่ไม่เคยเปลี่ยนแบบนั้นอยู่นะ
แปลกเหมือนกันเฮะ อดคิดไม่ได้ว่า ทำเหมือนกับเป็นไก่ย่างแฟรนไชส์ยังไงยังงั้นเลยพับผ่าสิเอ้าาาา
กลับมาที่ว่า พูดเรื่องที่ชอบกันต่อครับ เราชอบสิ่งไหนเราก็ยินดีที่จะพูดถึงเรื่องนั้น ฉันเลยเลือกเรื่องเก่าๆในอดีตที่ฉันชอบมาเล่าเป็นภาษาอังกฤษ และมันก็ได้ผลเสียด้วยน่ะสิ ภาษาอังกฤษของฉันพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน กันเลยทีเดียวเชียวนะพี่น้อง!
จริงๆนะไม่ได้โม้หรือโมเมอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่เชื่อก็ลองทักมาเป็นภาษาอังกฤษได้ทั้งทาง
เฟสบุก Michael Leng และ บล็อก ตีแตกภาษาอังกฤษ: English Of The Day นี้แหละครับ (ภาษาไทยก็ได้นะ เอิ๊กๆ)
ช่วยกด share ปล่อยของให้ผมดังทีเถ๊อะ จะได้มีคนเชิญไปบรรยายเทคนิค 8 ข้อนี้ให้เด็กๆฟังทั่วประเทศซะที...เอาจริงนะเนี่ย
ขอบคุณมากครับ แล้วพบกันใหม่ครับ
Bye,
อ่านเทคนิคอื่นๆ คลิก: เคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจากประสบการณ์จริง
ราจะเลิกคบเพื่อนบางคนอย่างไรดี(How do we stop being friends with someone?)
การกักตัวฉันสิ้นสุดหรือยัง(Has My Quarantine Been Lifted?)
ฝึกทำแบบทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ข้อ 1-10 | English for Communication Test
What is your favorite food? (จานโปรดของคุณคืออะไร) | แนวข้อสอบภาษาอังกฤษ
ส่วนที่จะบอกต่อไปนี้นี่สิ ซามะคักแท้น้อลูกบ่มีพ่อ...ว่าวไปเรื่อยเปื่อย อย่าเพิ่งหนีครับ หยอกๆเล่น
โปรดทราบ ๆ Attention, please.
ก่อนเข้าสู่วาระแห่งสาระ จงทราบว่าข้อมูลที่มอบให้ในวันนี้เป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์ ไม่ได้อาศัยทฤษฎีใดๆทั้งสิ้น
เข้าสู่สาระกันดีกว่าครับ
8 เทคนิคที่ทำให้(ฉัน)พูดภาษาอังกฤษได้ มีอะไรบ้าง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ
ข้อ 1 พูดเรื่องชอบ
ข้อ 2 พูดเรื่องเก่า
ข้อ 1 พูดเรื่องชอบ
ข้อ 2 พูดเรื่องเก่า
ข้อ 3 พูดไม่อาย
ข้อ 4 พูดไม่กลัว
ข้อ 5 พูดไม่แคร์
ข้อ 6 พูดไม่คิด
ข้อ 7 พูดไม่ติด
ข้อ 8 พูดได้ตลอด
ลองดู Video ด้านล่าง แล้วผมจะขยายให้ฟังครับ
มันพูดอะไรของมันวะ ดูข้างล่างนี่กะได้...
hello friends, I'm Michael Leng
I'm Thai
today, I have something special to tell you
I'm very glad that
I have this piece of kind of chicken
that when I was young
I have eaten this many times
when I was in school
primary school
so, today, I have found this again
price is only ten baht
this is kind of chicken
so, today I'm going to show you how to have it
like how to make it yummy
okay I do it some special menu for you
this is what we called chili paste
I will put chili paste on the chicken and have it
okay, give me time, please
okay, this is a chili paste
I put, I apply on it
that's finished
and then I'm going to have it
now you can see that
I made it piece by piece
it spills
sauce spilled
okay, I try to
have it like this
umm, this's very good taste
it makes me
it makes me recall to the life that I was in the school
in primary school again
very happy
this is one kind of fried chicken that we can find it in Thailand
especially, in rural country
not in the downtown city
because if you come to the downtown city
it is the same, so we can find chicken
in the beautiful shop
and an expensive one
but this one is very cheap
if you come to Thailand
looking for it and try
so today, bye
see you next time
พูดเรื่องเก่า
เป็นเรื่องเกิดขึ้นสมัยเรียนหนังสือชั้นปฐมโน่นแน่ะ ผ่านมานับสิบๆปีเห็นจะได้ ฮา ๆ ๆ
สงสัยกันบ้างไหมว่า อ้าวแล้วพูดเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้วมันช่วยให้พูดภาษาอังกฤษเป็นได้ยังไง
มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสนับสนุนครับ
เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และเราก็ยังจำมันได้อยู่ แปลว่า เรื่องนั้นมันถูกฝัง chip ใว้ในสมองของเราถาวร ดังนั้นเมื่อเราจะพูดเรื่องดังกล่าวมันก็ง่ายไม่ต้องไปคิดจินตนาการอะไรใหม่ๆที่ยังไม่เกิดให้ปวดหัว
ดังนั้น พูดเรื่องเก่ากับเรื่องที่ยังไม่เกิด สมองทำงานหนักเบาไม่เท่ากัน
<พูดเรื่องในอดีต> สมองทำงานเพียง 1 อย่างคือ แปลงเรื่องนั้นพูดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่จะตรงกันข้ามกับพูดเรื่องที่ยังไม่เกิด ก็ยังไม่ต้องคิด ไม่ต้องจินตนาการ
<พูดเรื่องที่ยังไม่เกิด> สมองต้องทำงาน 2 อย่างคือ จินตนาการเรื่องนั้น แล้วจึงค่อยแปลงเป็นภาษาอังกฤษอีกทอดหนึ่ง
ลองคิดดูเถอะ แค่พูดเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดกับตัวเราเป็นภาษาไทย บางคนยังนึกตั้งนาน แล้วนี่ให้พูดเป็นภาษาด่างด้าว แล้วมันจะเป็นยังไง...What do you think about an opinion of mine?
พูดไม่อาย
สังเกตดูการพูดที่ไหลรื่นคลิปดีๆสิครับ จะเห็นว่าเขาพูดแบบหน้าตาธรรมชาติๆ ไม่อาย ไม่แสดงอาการเคอะเขิน ไม่ใช่เป็นเพราะว่า charactor ของเขาเป็นคนใจกล้าหน้าด้านหรอกนะครับ แต่ที่เขาทำได้อย่างนั้น เพราะเขาพูดด้วยหลักว่ากำลังเล่าเรื่องจริง(เรื่องไก่ย่างบ้านๆ)ให้คนฟังได้เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังสื่อครับ
ฉันไม่อายที่ฉันฝึกพูดภาษาอังกฤษ เพราะมันเป็นเรื่องดีที่คนทั้งโลกไม่ปฏิเสธ และต้องเสียเงิน เสียทอง เสียเวลากันมากมายกับการลงทุนเพื่อแลกกับ ability of good command in English
ข้อ 6 พูดไม่คิด
ข้อ 7 พูดไม่ติด
ข้อ 8 พูดได้ตลอด
ลองดู Video ด้านล่าง แล้วผมจะขยายให้ฟังครับ
มันพูดอะไรของมันวะ ดูข้างล่างนี่กะได้...
hello friends, I'm Michael Leng
I'm Thai
today, I have something special to tell you
I'm very glad that
I have this piece of kind of chicken
that when I was young
I have eaten this many times
when I was in school
primary school
so, today, I have found this again
price is only ten baht
this is kind of chicken
so, today I'm going to show you how to have it
like how to make it yummy
okay I do it some special menu for you
this is what we called chili paste
I will put chili paste on the chicken and have it
okay, give me time, please
okay, this is a chili paste
I put, I apply on it
that's finished
and then I'm going to have it
now you can see that
I made it piece by piece
it spills
sauce spilled
okay, I try to
have it like this
umm, this's very good taste
it makes me
it makes me recall to the life that I was in the school
in primary school again
very happy
this is one kind of fried chicken that we can find it in Thailand
especially, in rural country
not in the downtown city
because if you come to the downtown city
it is the same, so we can find chicken
in the beautiful shop
and an expensive one
but this one is very cheap
if you come to Thailand
looking for it and try
so today, bye
see you next time
...
พูดเรื่องเก่า
เป็นเรื่องเกิดขึ้นสมัยเรียนหนังสือชั้นปฐมโน่นแน่ะ ผ่านมานับสิบๆปีเห็นจะได้ ฮา ๆ ๆ
สงสัยกันบ้างไหมว่า อ้าวแล้วพูดเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้วมันช่วยให้พูดภาษาอังกฤษเป็นได้ยังไง
มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสนับสนุนครับ
เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และเราก็ยังจำมันได้อยู่ แปลว่า เรื่องนั้นมันถูกฝัง chip ใว้ในสมองของเราถาวร ดังนั้นเมื่อเราจะพูดเรื่องดังกล่าวมันก็ง่ายไม่ต้องไปคิดจินตนาการอะไรใหม่ๆที่ยังไม่เกิดให้ปวดหัว
ดังนั้น พูดเรื่องเก่ากับเรื่องที่ยังไม่เกิด สมองทำงานหนักเบาไม่เท่ากัน
<พูดเรื่องในอดีต> สมองทำงานเพียง 1 อย่างคือ แปลงเรื่องนั้นพูดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่จะตรงกันข้ามกับพูดเรื่องที่ยังไม่เกิด ก็ยังไม่ต้องคิด ไม่ต้องจินตนาการ
<พูดเรื่องที่ยังไม่เกิด> สมองต้องทำงาน 2 อย่างคือ จินตนาการเรื่องนั้น แล้วจึงค่อยแปลงเป็นภาษาอังกฤษอีกทอดหนึ่ง
ลองคิดดูเถอะ แค่พูดเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดกับตัวเราเป็นภาษาไทย บางคนยังนึกตั้งนาน แล้วนี่ให้พูดเป็นภาษาด่างด้าว แล้วมันจะเป็นยังไง...What do you think about an opinion of mine?
พูดไม่อาย
สังเกตดูการพูดที่ไหลรื่นคลิปดีๆสิครับ จะเห็นว่าเขาพูดแบบหน้าตาธรรมชาติๆ ไม่อาย ไม่แสดงอาการเคอะเขิน ไม่ใช่เป็นเพราะว่า charactor ของเขาเป็นคนใจกล้าหน้าด้านหรอกนะครับ แต่ที่เขาทำได้อย่างนั้น เพราะเขาพูดด้วยหลักว่ากำลังเล่าเรื่องจริง(เรื่องไก่ย่างบ้านๆ)ให้คนฟังได้เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังสื่อครับ
ฉันไม่อายที่ฉันฝึกพูดภาษาอังกฤษ เพราะมันเป็นเรื่องดีที่คนทั้งโลกไม่ปฏิเสธ และต้องเสียเงิน เสียทอง เสียเวลากันมากมายกับการลงทุนเพื่อแลกกับ ability of good command in English
มองในมุมกลับ สิ่งที่น่าอายน่าจะเป็นการเสียเวลากับเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะมัวแต่ไป crazy กับโลก social ที่กินเวลาอันมีค่าของเราที่มี 24 ชม.ต่างหากล่ะไม่ว่า เวลาถูกตัดไปโดยไม่รู้ตัววันละหลายชั่วโมงนาที รวมกันทั้งปีก็เป็นเวลาที่น่าจะใช้ไปกับการพูดภาษาอังกฤษนี่แหละ ตัวฉัน(คุณ)เอ๋ย
เริ่มตอนไหนก็ตอนนั้น พูดตอนนี้ก็จะพูดเป็นในเร็วๆนี้ ถ้าเริ่มพรุ่งนี้ก็ช้าไปอีกหนึ่งวัน อันนี้มันเรื่องปกติธรรมดาที่ฉันไม่ต้องใช้สมองซีกไหนมาคิดมันหรอกนะ
ความหมายของข้อนี้ "พูดไม่คิด" ไม่ได้แปลว่าพูดเรื่อยเปื่อยแบบไม่ได้คิดตริตรองก่อนจะพูดอะไรหรอกนะจ๊ะ แท้จริงแล้วความหมายของฉันนั้นก็คือ พูดแบบไม่ต้องคิดว่าไอ้ที่กำลังพูดเป็นภาษาอังกฤษอยู่นี่น่ะมันต้องใช้คำไหน ถูกหลักไวยากรณ์หรือเปล่า พูดไปแล้วเขาจะเข้าใจไอ้เรื่องที่เรากำลังพูดอยู่หรือไม่ อย่างนี้เป็นต้นครับ
เทคนิคข้อนี้คือ สลัดความคิดว่าเรื่องถูก-ผิดหลักภาษาออกไปจากสมองซะเถอะนะครับ บอกตัวฉันเองเสมอ เพราะว่าคนเรามีสิ่งพิเศษที่ติดตัวเรามาเรื่องการเรียนรู้ภาษาอยู่ทุกคนโดยไม่ต้องรอแจกฟรีจากใครๆ สิ่งนั้นก็คือ สมองส่วนหน้าที่เปิดอ้าซ่าไว้รอรับเข้าไป save เก็บไว้ให้อยู่แล้ว กระนั้นมันไม่สามารถไปตามหาตามเก็บเอาเข้ามาได้ถ้าตัวฉันเองไม่นำมัน input เข้าไปน่ะสิครับ
พูดไม่กลัว
ไม่ต้องกลัวคนฟังจะไม่เข้าใจ ไม่ต้องกลัวว่าพูดไปความหมายมันไม่ได้
พูดไปแบบไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนว่า "ภาษามึงนี่อ้อนอ่อนยังกับกล้วยเผา" อ้าว....แล้วมึงได้พูดอย่างกูป่าววะ นั่น! สวนเข้าให้หนึ่งดอก ฮาฮาฮา
เราลองนึกดูสิครับว่า เราเคยเห็นเด็กๆที่กำลังหัดพูดไหมครับ เราเห็นเราก็เอ็นดูที่เด็กๆพูดอ้อๆแอ้ๆ พูดถูกบ้างผิดบ้าง แล้วเราก็เข้าไปช่วยสอน
จากที่กล่าวมาข้างบนนี้ มันแตกต่างกันตรงไหนที่เราจะทำตัวที่คล้ายๆกับเด็กหัดพูดบ้าง เพราะการที่เราเริ่มพูดภาษาอังกฤษใหม่ๆมันต่างกันตรงไหนที่เด็กๆเริ่มหัดพูดภาษาคน...
ฉันไม่เคยกลัวเลยที่จะพูด เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าถ้าฉันพูดได้เมื่อไหร่ profile ของฉันมันจะดีขึ้นแน่ๆ เหมือนขับรถเกียร์ Auto พอมันได้ที่ก็อัตโนมัติดีดตัวสูงขึ้นอย่างไม่มีตก ซึ่งแตกต่างกับดัชนีหุ้นที่มีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเหมือนที่เขาว่า high risk high income แต่ภาษาเป็น pure income ที่ไม่มีตกแน่นอนครับ เพราะภาษานั้นเมื่อพูดได้แล้วพูดได้เลย
ไม่ต้องกลัวคนฟังจะไม่เข้าใจ ไม่ต้องกลัวว่าพูดไปความหมายมันไม่ได้
พูดไปแบบไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนว่า "ภาษามึงนี่อ้อนอ่อนยังกับกล้วยเผา" อ้าว....แล้วมึงได้พูดอย่างกูป่าววะ นั่น! สวนเข้าให้หนึ่งดอก ฮาฮาฮา
เราลองนึกดูสิครับว่า เราเคยเห็นเด็กๆที่กำลังหัดพูดไหมครับ เราเห็นเราก็เอ็นดูที่เด็กๆพูดอ้อๆแอ้ๆ พูดถูกบ้างผิดบ้าง แล้วเราก็เข้าไปช่วยสอน
จากที่กล่าวมาข้างบนนี้ มันแตกต่างกันตรงไหนที่เราจะทำตัวที่คล้ายๆกับเด็กหัดพูดบ้าง เพราะการที่เราเริ่มพูดภาษาอังกฤษใหม่ๆมันต่างกันตรงไหนที่เด็กๆเริ่มหัดพูดภาษาคน...
ฉันไม่เคยกลัวเลยที่จะพูด เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าถ้าฉันพูดได้เมื่อไหร่ profile ของฉันมันจะดีขึ้นแน่ๆ เหมือนขับรถเกียร์ Auto พอมันได้ที่ก็อัตโนมัติดีดตัวสูงขึ้นอย่างไม่มีตก ซึ่งแตกต่างกับดัชนีหุ้นที่มีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเหมือนที่เขาว่า high risk high income แต่ภาษาเป็น pure income ที่ไม่มีตกแน่นอนครับ เพราะภาษานั้นเมื่อพูดได้แล้วพูดได้เลย
พูดไม่แคร์
ถ้าอยากพูดเป็นต้องแคร์หมาแมวไปทำไมกันล่ะครับ อย่าไปแคร์สายคนดู อย่าไปสนคนอื่นจะว่าฉันดัดจริตกรีดกราย
ก็กูอยากจะพูดให้เป็น กูก็ต้องพูด มันใช่ไหมล่ะ!!
สรุปว่า อยากเป็นอะไร ให้ทำสิ่งนั้นบ่อยๆจนกลายเป็นความเคยชินและเป็นธรรมชาติไปในที่สุดครับ
ฉันจะแคร์ไปทำไมเมื่อฉันจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น อ่านภาษาอังกฤษออก บอกเรื่องราวต่างๆเป็นภาษาต่างประเทศได้ เลิกปวด Head กับคู่มือที่แม่งมีแต่ภาษาอังกฤษกันซะทีก็อีตอนนี้แหละ...
เดี๋ยวจะแหลงให้ฟังครับ เมื่อประมาณซัก 10 กว่าปีเห็นจะได้ ฉันได้ไปเที่ยวในร้านคาราโอเกะแถวๆจังหวัดระนอง ในร้านมีบริการให้ร้องเพลงคาราโอเกะฟรีนะจำได้ แต่ว่าลูกค้าแต่ละโต๊ะต้องเขียนเพลงใส่กระดาษไปให้เจ้าของร้านเป็นคนเปิดครับ แต่ละโต๊ะขอได้ครั้งละ 2 เพลง วนกันไปเรื่อยๆ วันนั้นฉันขอเพลง Handy Man version Jame Taylor ไปน่ะสิ
มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเสียงเพลงดังขึ้นครับ ฉันงี้อารมณ์ขึ้นปี๊ดเลย ก็ไอ้ลูกค้าโต๊ะตรงโน้นมันตะโกนออกมาว่า "ใครขอเพลงผิดหรือเปล่าวะ"
เฮ้อ! มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยลืมระนอง เมืองที่ว่า ฝนแปดแดดสี่ ไปตลอดชีวิต ฮาฮาฮา (เจ้าคิดเจ้าแค้นนิดๆนะเรา)
ถ้าอยากพูดเป็นต้องแคร์หมาแมวไปทำไมกันล่ะครับ อย่าไปแคร์สายคนดู อย่าไปสนคนอื่นจะว่าฉันดัดจริตกรีดกราย
ก็กูอยากจะพูดให้เป็น กูก็ต้องพูด มันใช่ไหมล่ะ!!
สรุปว่า อยากเป็นอะไร ให้ทำสิ่งนั้นบ่อยๆจนกลายเป็นความเคยชินและเป็นธรรมชาติไปในที่สุดครับ
ฉันจะแคร์ไปทำไมเมื่อฉันจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น อ่านภาษาอังกฤษออก บอกเรื่องราวต่างๆเป็นภาษาต่างประเทศได้ เลิกปวด Head กับคู่มือที่แม่งมีแต่ภาษาอังกฤษกันซะทีก็อีตอนนี้แหละ...
เดี๋ยวจะแหลงให้ฟังครับ เมื่อประมาณซัก 10 กว่าปีเห็นจะได้ ฉันได้ไปเที่ยวในร้านคาราโอเกะแถวๆจังหวัดระนอง ในร้านมีบริการให้ร้องเพลงคาราโอเกะฟรีนะจำได้ แต่ว่าลูกค้าแต่ละโต๊ะต้องเขียนเพลงใส่กระดาษไปให้เจ้าของร้านเป็นคนเปิดครับ แต่ละโต๊ะขอได้ครั้งละ 2 เพลง วนกันไปเรื่อยๆ วันนั้นฉันขอเพลง Handy Man version Jame Taylor ไปน่ะสิ
มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเสียงเพลงดังขึ้นครับ ฉันงี้อารมณ์ขึ้นปี๊ดเลย ก็ไอ้ลูกค้าโต๊ะตรงโน้นมันตะโกนออกมาว่า "ใครขอเพลงผิดหรือเปล่าวะ"
เฮ้อ! มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยลืมระนอง เมืองที่ว่า ฝนแปดแดดสี่ ไปตลอดชีวิต ฮาฮาฮา (เจ้าคิดเจ้าแค้นนิดๆนะเรา)
ฉันโดนซะขนาดนั้น ฉันถึงได้มาถึงซะขนาดนี้ (hiligh ไว้เลยครับ เป็นท่อนฮุกให้กำลังใจน่ะ)
ถ้าใครไม่มีเรื่องคล้ายๆแบบของฉันแล้วล่ะก็ แล้วจะเอาเรื่องอะไรแบบไหนมาเล่าให้คนอื่นฟังล่ะจร้าาา อาเฮีย อาเจ้ อาหมวย (ชวนฮาแก้เครียดบ้างเล็กๆ)
พูดไม่คิด
พูดไม่คิด
ความหมายของข้อนี้ "พูดไม่คิด" ไม่ได้แปลว่าพูดเรื่อยเปื่อยแบบไม่ได้คิดตริตรองก่อนจะพูดอะไรหรอกนะจ๊ะ แท้จริงแล้วความหมายของฉันนั้นก็คือ พูดแบบไม่ต้องคิดว่าไอ้ที่กำลังพูดเป็นภาษาอังกฤษอยู่นี่น่ะมันต้องใช้คำไหน ถูกหลักไวยากรณ์หรือเปล่า พูดไปแล้วเขาจะเข้าใจไอ้เรื่องที่เรากำลังพูดอยู่หรือไม่ อย่างนี้เป็นต้นครับ
เทคนิคข้อนี้คือ สลัดความคิดว่าเรื่องถูก-ผิดหลักภาษาออกไปจากสมองซะเถอะนะครับ บอกตัวฉันเองเสมอ เพราะว่าคนเรามีสิ่งพิเศษที่ติดตัวเรามาเรื่องการเรียนรู้ภาษาอยู่ทุกคนโดยไม่ต้องรอแจกฟรีจากใครๆ สิ่งนั้นก็คือ สมองส่วนหน้าที่เปิดอ้าซ่าไว้รอรับเข้าไป save เก็บไว้ให้อยู่แล้ว กระนั้นมันไม่สามารถไปตามหาตามเก็บเอาเข้ามาได้ถ้าตัวฉันเองไม่นำมัน input เข้าไปน่ะสิครับ
ดูจากคลิบแล้วเห็นไหมครับผมหยุดแบบคิดคำพูดบ้างไหมครับ?
สรุปก็คือ ขวนขวายๆ
พูดไม่ติด
ข้อนี้เป็นเทคหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน พูดแบบไม่ติดขัดนั่นเองครับ พยายามพูดให้ไหลรื่นไปเรื่อยๆ ปรับ mindset ไปในทิศทางที่มันบวกเสมอ positive thinking
ครั้งก่อนๆตอนเป็นเด็กนักเรียน ครูให้ฉันกับเพื่อนๆท่องสูตรคูณทุกเย็นก่อนเลิกเรียน บางวันก็สลับไปท่องอาขยานแทน ครั้่งนั้นฉันทำมันได้ทุกวี่วันที่คุณครู assign หน้าที่ให้
แต่ทำไมวันนี้ ฉันจะพูดภาษาอังกฤษทั้งที มันต้องมีติดๆขัดๆอยู่ตลอด
ฉันรู้แล้วว่าฉันยิ่งโตฉันยิ่งห้าวเป้ง ฉันมีอิสระที่จะทำอะไรด้วยตัวฉันเอง พอเป็นตัวของตัวเองก็เลยไม่มีเส้นมากำกับชัดๆว่า ถึงเวลาเย็นเลิกงานแล้วนะ ฉันต้องพูดภาษาอังกฤษ พูดไปเรื่อยๆเหมือนกันกับการหวนสู่วันเก่าที่อยู่ในห้องเรียนแล้วต้องเพียร recite the multiplication!!!
ครั้งก่อนๆตอนเป็นเด็กนักเรียน ครูให้ฉันกับเพื่อนๆท่องสูตรคูณทุกเย็นก่อนเลิกเรียน บางวันก็สลับไปท่องอาขยานแทน ครั้่งนั้นฉันทำมันได้ทุกวี่วันที่คุณครู assign หน้าที่ให้
แต่ทำไมวันนี้ ฉันจะพูดภาษาอังกฤษทั้งที มันต้องมีติดๆขัดๆอยู่ตลอด
ฉันรู้แล้วว่าฉันยิ่งโตฉันยิ่งห้าวเป้ง ฉันมีอิสระที่จะทำอะไรด้วยตัวฉันเอง พอเป็นตัวของตัวเองก็เลยไม่มีเส้นมากำกับชัดๆว่า ถึงเวลาเย็นเลิกงานแล้วนะ ฉันต้องพูดภาษาอังกฤษ พูดไปเรื่อยๆเหมือนกันกับการหวนสู่วันเก่าที่อยู่ในห้องเรียนแล้วต้องเพียร recite the multiplication!!!
ฉันคิดได้ ไม่ใช่เพียงว่าได้คิด ชีวิตฉันถึงได้ดี๊ดีก็ยังไง!
พูดได้ตลอด
หมายความว่าไงกันพูดได้ตลอด ฉันทำตัวเป็นคนที่ไม่มีเงื่อนไขว่า ยังไม่ว่าง ไม่มีเวลฝึกพูด
ขออ่านคำศัพท์ให้ได้เยอะๆก่อนได้ไหมแล้วค่อยฝึกพูด หาเพื่อนเป็นฝรั่งดีกว่ามั้งเดี๋ยวก็พูดได้เองแน่ๆ...
ตอนแรกๆเคยคิดแบบยังว่า แต่พอผ่านๆมาค้นพบว่า ฉันจะต้องรออะไร รอไปทำไม ในเมื่อปากก็ปากของฉัน น้ำลายก็น้ำลายฉัน แค่อ้าปากแล้วพูด มันก็ถือว่าได้พูดแล้ว
พอดีปากฉันมันไม่มีหูรูด ฉันก็เลยพูดได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะที่มีน้ำดื่มอุ่นซักแก้วอยู่ใกล้ๆมือ คริคริ
แต่ฉันก็มีคำถามอีก shot หนึ่งว่า
พูดได้ตลอด
หมายความว่าไงกันพูดได้ตลอด ฉันทำตัวเป็นคนที่ไม่มีเงื่อนไขว่า ยังไม่ว่าง ไม่มีเวลฝึกพูด
ขออ่านคำศัพท์ให้ได้เยอะๆก่อนได้ไหมแล้วค่อยฝึกพูด หาเพื่อนเป็นฝรั่งดีกว่ามั้งเดี๋ยวก็พูดได้เองแน่ๆ...
ตอนแรกๆเคยคิดแบบยังว่า แต่พอผ่านๆมาค้นพบว่า ฉันจะต้องรออะไร รอไปทำไม ในเมื่อปากก็ปากของฉัน น้ำลายก็น้ำลายฉัน แค่อ้าปากแล้วพูด มันก็ถือว่าได้พูดแล้ว
พอดีปากฉันมันไม่มีหูรูด ฉันก็เลยพูดได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะที่มีน้ำดื่มอุ่นซักแก้วอยู่ใกล้ๆมือ คริคริ
แต่ฉันก็มีคำถามอีก shot หนึ่งว่า
"ฉันจะเริ่มพูดยังไงดี?"
อ๋อ...เริ่มจากพูดตามหนังสือ ฮัมเพลงป๊อบ ร้องคลอเพลงแร็บ ออกเสียงดังๆตอนที่ฉันสูบซิกาแรตนั่งอ่าน bangkok post หรือว่าบ้างก็ the nation
พูดเรื่องชอบ
พูดเรื่องชอบ
ฉันคงรู้สึกดี...ถ้าฉันได้ทำสิ่งที่ฉันรัก ปักหลักอยู่กับคนที่ฉันชอบ มอบหัวใจให้กับคนใสๆกับตัวเรา ว่าไปนั่น...
ถ้าดูจากคลิป จะพบว่าฉันพูดเรื่องไก่ย่างที่ฉันชอบ พอดีมีรถขายไก่ย่างผ่านที่ทำงานพอดี นานๆจะเจอซักทีไอ้เจ้าไก่ย่างแบบโครงไก่เยอะกว่าเนื้อ หึหึ ก็เลยซื้อมากิน ก็เพราะว่าชอบกินตอนเป็นเด็กไง ตอนนี้ก็ยังหลงไหลรสชาติที่ไม่เคยเปลี่ยนแบบนั้นอยู่นะ
แปลกเหมือนกันเฮะ อดคิดไม่ได้ว่า ทำเหมือนกับเป็นไก่ย่างแฟรนไชส์ยังไงยังงั้นเลยพับผ่าสิเอ้าาาา
กลับมาที่ว่า พูดเรื่องที่ชอบกันต่อครับ เราชอบสิ่งไหนเราก็ยินดีที่จะพูดถึงเรื่องนั้น ฉันเลยเลือกเรื่องเก่าๆในอดีตที่ฉันชอบมาเล่าเป็นภาษาอังกฤษ และมันก็ได้ผลเสียด้วยน่ะสิ ภาษาอังกฤษของฉันพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน กันเลยทีเดียวเชียวนะพี่น้อง!
จริงๆนะไม่ได้โม้หรือโมเมอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่เชื่อก็ลองทักมาเป็นภาษาอังกฤษได้ทั้งทาง
เฟสบุก Michael Leng และ บล็อก ตีแตกภาษาอังกฤษ: English Of The Day นี้แหละครับ (ภาษาไทยก็ได้นะ เอิ๊กๆ)
ช่วยกด share ปล่อยของให้ผมดังทีเถ๊อะ จะได้มีคนเชิญไปบรรยายเทคนิค 8 ข้อนี้ให้เด็กๆฟังทั่วประเทศซะที...เอาจริงนะเนี่ย
ขอบคุณมากครับ แล้วพบกันใหม่ครับ
Bye,
อ่านเทคนิคอื่นๆ คลิก: เคล็ดลับเก่งภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจากประสบการณ์จริง
ช่วยกด Like กด Share จะได้ช่วยกันเผยแพร่ให้พวกๆเรากันเองครับ
คุณยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขียนบอกให้เราได้รู้บ้างจร้า
ตอบลบThe thing I like the most about jewish dating is that there is much information about every lady. Her portfolio is very rich, which is very helpful if you are looking for a soulmate. In my case, it help me to create a complete image of my potential match, and we turned out to be a perfect match. Our love story is moving on.
ตอบลบ